สำหรับผู้ที่โชคดีมีพ่อ – แม่ให้ความรัก ความอบอุ่น ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ก็ไม่ควรประมาท โลกนี้ไม่มีอะไรแน่นอน สักวันหนึ่งท่านก็ต้องจากเราไป ซึ่งเป็นกฎของธรรมชาติ ทุกชีวิตต้องเป็นเช่นนี้ เวลาในโลกนี้จึงมีไม่มากและมีจำกัด ขณะที่ท่านมีชีวิตอยู่ จงทำตัวให้เป็นเด็กดี หมั่นศึกษาเล่าเรียน ไม่สร้างปัญหา เลือกคบเพื่อนที่เป็นกัลยาณมิตร ชักจูงไปในทางที่ดี ปรนนิบัติด้วยความกตัญญูรู้คุณ จึงจะขึ้นชื่อได้ว่าเป็น ลูกแก้ว เป็นลูกยอดกตัญญู แล้วเราจะรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ทดแทนพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพ่อ–แม่
..........บัญญัติ 10 ประการ สำหรับลูกที่กำลังอยู่ในวัยรุ่นที่พึงปฏิบัติต่อพ่อ – แม่ เพื่อลดการขัดแย้ง สร้างความไว้วางใจจากพ่อ-แม่ และทำให้พ่อ-แม่มีความสุข
...........1. ถ้าต้องการให้พ่อ – แม่ให้อิสระภาพ ไม่ห้ามโน่น ห้ามนี่ ห้ามไป …..ห้ามทำ……ห้าม ไปหมด ก็ต้องพยายามทำตัวให้พ่อ – แม่ไว้วางใจและเชื่อใจว่าลูกจะไม่เถลไถลออกนอกลู่นอกทาง คบเพื่อนไม่ดี เช่น ถ้าอยากให้พ่อ – แม่อนุญาตให้ไปเที่ยวกลางคืนกับเพื่อน ก็ต้องประพฤติตัวให้ดี กลับบ้านตรงเวลาตามที่ได้ตกลงกับพ่อ – แม่ไว้
...........2. ถ้าอยากเป็นตัวของตัวเอง คิดเอง ทำเอง พ่อ – แม่รับฟังและเห็นด้วย ก็ควรพูดด้วย เหตุและผล ด้วยวิธีการพูดที่นิ่มนวล ไม่ใช้อารมณ์เอะอะโวยวาย ตีโพยตีพาย หรือ พูดเท็จโกหกพ่อ- แม่
...........3. เมื่อต้องการให้พ่อ – แม่เข้าใจเรา เราต้องแสดงความรู้สึกของตนออกมาอย่างเปิดเผย จริงใจ กล้าสู้ความจริง กล้าขอคำปรึกษาจากพ่อ – แม่ อย่าเก็บงำปัญหา ความรู้สึกไว้ตามลำพังแต่ผู้เดียว
...........4. เด็กวัยรุ่นที่ดี ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา หัดเข้าใจในความรู้สึกของพ่อ – แม่บ้าง ให้ลองคิดย้อนกลับไปว่าถ้าเราเป็นพ่อ – แม่เองแล้วมีลูกทำแบบนี้บ้าง เราจะรู้สึกอย่างไร?
...........5. เมื่อพ่อ – แม่พูดบ่นจู้จี้ ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่บอกให้รู้ถึงความรู้สึก ความรัก ความห่วงใยของพ่อ –แม่ที่มีต่อลูกวัยรุ่นต้องพยายามเข้าใจ ยอมรับและไม่ถือโกรธ ไม่ทำตัวให้พ่อ–แม่ต้องเป็นห่วงเป็นใย กังวลใจ เช่น การคบเพื่อนที่ไม่ดี การเสพสิ่งเสพติดทั้งหลาย เมื่อพ่อ-แม่ผู้เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนตักเตือนก็ต้องเชื่อฟัง แล้วคิดอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่เอาแต่เถียงข้างๆ คูๆ ไร้เหตุผล
...........6. ถ้าต้องการให้พ่อ – แม่ปฏิบัติต่อเราอย่างเพื่อน เราต้องรู้จักเปิดเผย ไม่ปิดบังเมื่อมีปัญหาต้องระบาย เล่า หรือปรึกษาพ่อ – แม่ เหมือนกับที่เราไปปรึกษาเพื่อนของเรา
...........7. ยามใดที่เกิดปัญหาหรือผิดหวังจากเรื่องนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อน เรื่องการศึกษาเล่าเรียน เรื่องความรัก จงกลับไปหาพ่อ – แม่ เล่าระบายให้ท่านฟัง ตักและอ้อมแขนของท่านพร้อมที่จะโอบอุ้มให้ความรัก ความอบอุ่นเหมือนเช่นตอนที่เรายังเล็กๆ อยู่ คำพูด คำปลอบประโลมของท่านจะช่วยประคับประคองใจเราได้เป็นอย่างดี เราจะเกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ หายว้าเหว่ รู้สึกว่ามีที่พึ่ง เกิดความมั่นใจและมีกำลังใจมากขึ้น เห็นแนวทางในการแก้ปัญหาได้สำเร็จ
...........8. เมื่อพ่อ – แม่พูดสอน หรือตำหนิติเตียน ก็ควรนิ่งฟังอย่างตั้งใจ และยอมรับไม่ควรเถียงคอเป็นเอ็นเพราะจะไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ควรให้เวลาผ่านพ้นไป ต่างฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นแล้วค่อยอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น จะช่วยลดการขัดแย้งและและช่องว่าง ระหว่างวัยได้เป็นอย่างดี
...........9. ควรหาเวลาว่างทำกิจกรรมร่วมกันกับพ่อ –แม่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการดูทีวี ทำสวน ช่วยงานบ้าน เข้าครัวปรุงอาหาร หรือไปเที่ยวด้วยกัน เพราะกิจกรรมทั้งหลายเหล่านี้จะช่วยสานความสัมพันธ์ ทัศนคติที่ไม่ตรงกันให้เป็นไปในแนวเดียวกันได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น
...........10. จงแสดงความรัก ความเคารพ ความเอื้ออาทรต่อพ่อ – แม่บ้าง ตัวอย่างเช่น ถ้าท่านไม่สบายก็ควรรินน้ำ เตรียมอาหาร จัดยาให้ท่าน เมื่อถึงวันสำคัญก็ควรแสดงความเคารพ ให้เกียรติท่าน สิ่งใดที่ทำเพื่อท่านได้ก็ควรทำ รวมทั้งการช่วยงานบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของท่าน ท่านก็จะรักและเมตตาเราเพิ่มมากขึ้น
..........ถ้าวัยรุ่นทั้งหลายสามารถปฏิบัติตนได้ตามบัญญัติทั้ง 10 ประการ ที่กล่าวข้างต้นนี้ได้ ก็จะขึ้นชื่อว่าเป็นลูกที่มีความกตัญญูกตเวที มีความเคารพพ่อ – แม่ ซึ่งเป็นเสมือนพระในบ้านที่ควรเคารพบูชาเป็นอันดับแรก ถือได้ว่าเป็นมงคลอันสูงสุดของชีวิต อันจะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญรุ่งเรือง ความเป็นศิริมงคลมาสู่ตนเอง
...........2. ถ้าอยากเป็นตัวของตัวเอง คิดเอง ทำเอง พ่อ – แม่รับฟังและเห็นด้วย ก็ควรพูดด้วย เหตุและผล ด้วยวิธีการพูดที่นิ่มนวล ไม่ใช้อารมณ์เอะอะโวยวาย ตีโพยตีพาย หรือ พูดเท็จโกหกพ่อ- แม่
...........3. เมื่อต้องการให้พ่อ – แม่เข้าใจเรา เราต้องแสดงความรู้สึกของตนออกมาอย่างเปิดเผย จริงใจ กล้าสู้ความจริง กล้าขอคำปรึกษาจากพ่อ – แม่ อย่าเก็บงำปัญหา ความรู้สึกไว้ตามลำพังแต่ผู้เดียว
...........4. เด็กวัยรุ่นที่ดี ต้องรู้จักเอาใจเขามาใส่ใจเรา หัดเข้าใจในความรู้สึกของพ่อ – แม่บ้าง ให้ลองคิดย้อนกลับไปว่าถ้าเราเป็นพ่อ – แม่เองแล้วมีลูกทำแบบนี้บ้าง เราจะรู้สึกอย่างไร?
...........5. เมื่อพ่อ – แม่พูดบ่นจู้จี้ ซึ่งเป็นวิธีการหนึ่งที่บอกให้รู้ถึงความรู้สึก ความรัก ความห่วงใยของพ่อ –แม่ที่มีต่อลูกวัยรุ่นต้องพยายามเข้าใจ ยอมรับและไม่ถือโกรธ ไม่ทำตัวให้พ่อ–แม่ต้องเป็นห่วงเป็นใย กังวลใจ เช่น การคบเพื่อนที่ไม่ดี การเสพสิ่งเสพติดทั้งหลาย เมื่อพ่อ-แม่ผู้เคยอาบน้ำร้อนมาก่อนตักเตือนก็ต้องเชื่อฟัง แล้วคิดอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่เอาแต่เถียงข้างๆ คูๆ ไร้เหตุผล
...........6. ถ้าต้องการให้พ่อ – แม่ปฏิบัติต่อเราอย่างเพื่อน เราต้องรู้จักเปิดเผย ไม่ปิดบังเมื่อมีปัญหาต้องระบาย เล่า หรือปรึกษาพ่อ – แม่ เหมือนกับที่เราไปปรึกษาเพื่อนของเรา
...........7. ยามใดที่เกิดปัญหาหรือผิดหวังจากเรื่องนอกบ้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเพื่อน เรื่องการศึกษาเล่าเรียน เรื่องความรัก จงกลับไปหาพ่อ – แม่ เล่าระบายให้ท่านฟัง ตักและอ้อมแขนของท่านพร้อมที่จะโอบอุ้มให้ความรัก ความอบอุ่นเหมือนเช่นตอนที่เรายังเล็กๆ อยู่ คำพูด คำปลอบประโลมของท่านจะช่วยประคับประคองใจเราได้เป็นอย่างดี เราจะเกิดความรู้สึกอบอุ่นใจ หายว้าเหว่ รู้สึกว่ามีที่พึ่ง เกิดความมั่นใจและมีกำลังใจมากขึ้น เห็นแนวทางในการแก้ปัญหาได้สำเร็จ
...........8. เมื่อพ่อ – แม่พูดสอน หรือตำหนิติเตียน ก็ควรนิ่งฟังอย่างตั้งใจ และยอมรับไม่ควรเถียงคอเป็นเอ็นเพราะจะไม่ทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ควรให้เวลาผ่านพ้นไป ต่างฝ่ายอารมณ์ดีขึ้นแล้วค่อยอธิบายถึงเหตุผลที่ต้องทำเช่นนั้น จะช่วยลดการขัดแย้งและและช่องว่าง ระหว่างวัยได้เป็นอย่างดี
...........9. ควรหาเวลาว่างทำกิจกรรมร่วมกันกับพ่อ –แม่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการดูทีวี ทำสวน ช่วยงานบ้าน เข้าครัวปรุงอาหาร หรือไปเที่ยวด้วยกัน เพราะกิจกรรมทั้งหลายเหล่านี้จะช่วยสานความสัมพันธ์ ทัศนคติที่ไม่ตรงกันให้เป็นไปในแนวเดียวกันได้เป็นอย่างดี ซึ่งจะช่วยให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกันมากยิ่งขึ้น
...........10. จงแสดงความรัก ความเคารพ ความเอื้ออาทรต่อพ่อ – แม่บ้าง ตัวอย่างเช่น ถ้าท่านไม่สบายก็ควรรินน้ำ เตรียมอาหาร จัดยาให้ท่าน เมื่อถึงวันสำคัญก็ควรแสดงความเคารพ ให้เกียรติท่าน สิ่งใดที่ทำเพื่อท่านได้ก็ควรทำ รวมทั้งการช่วยงานบ้านเพื่อแบ่งเบาภาระของท่าน ท่านก็จะรักและเมตตาเราเพิ่มมากขึ้น
..........ถ้าวัยรุ่นทั้งหลายสามารถปฏิบัติตนได้ตามบัญญัติทั้ง 10 ประการ ที่กล่าวข้างต้นนี้ได้ ก็จะขึ้นชื่อว่าเป็นลูกที่มีความกตัญญูกตเวที มีความเคารพพ่อ – แม่ ซึ่งเป็นเสมือนพระในบ้านที่ควรเคารพบูชาเป็นอันดับแรก ถือได้ว่าเป็นมงคลอันสูงสุดของชีวิต อันจะนำมาซึ่งความสุข ความเจริญรุ่งเรือง ความเป็นศิริมงคลมาสู่ตนเอง
..........โปรดอย่าลืมว่า…การทำบุญอะไรก็ไม่ยิ่งใหญ่เท่ากับการทำบุญกับพระในบ้าน นั่นก็คือพ่อ-แม่ของเรานั่นเอง